Comparison of Learning Achievement and Analytical Thinking of Matthayomsueksa 4 Students Between Learning Management Based on Yonisomanasikara and Historical Method

Abstract

The objectives of this research were to 1) develop learning activity management plans of History subject on the topic Time period of Thailand history for Mathayomsueksa 4 students using Yonisomanasikarn and Historical Method to reach the effectiveness criterion at 80/80. 2) to compare learning achievement of Matthayomsueksa 4 students based on Yonisomanasikarn, before and after learning. 3) to compare to compare learning achievement and analytical Thinking of Matthayomsueksa 4 students based on Yonisomanasikarn and Historical Method, after learning.and 4) study the satisfaction of Mathayomsueksa 4 students after learning management based on Yonisomanasikarn and Historical method Sampling group of this research, Selected by cluster random sampling method,consisted of Mathayomsueksa 4 students from 2 classrooms at Phayakkaphum-wittayakarn School in Phayakkaphum district, Mahasarakham province under the Office of Secondary Educational Service Area 26, during the first semester of academic year 2019. Learning activity management between Yonisomanasikarn method for 33 students of M.4/5 and History method for 32 students of M.4/6. Research instruments included; 6 learning activity management plans based on Yonisomanasikarn method, 6 learning activity management plans based on History method. Learning achievement test on the topic time period of thailand history which consisted of 30 objective questions-4 possible answers with index of consistency between 0.26-0.78, discrimination from 0.41 to 0.88, and reliability at 0.95. measurement test for analytical thinking on the topic time period of thailand history which consisted of 3 items with index of consistency between 0.47-0.62, discrimination from 0.50-0.70, and reliability at 0.91. data analysis was made through mean, percentage, standard deviation, and t-test (Dependent Samples).

The findings were as follows :

1. The effectiveness of developing learning activity management plans on the topic Time period of Thailand history of History subject for Mathayomsueksa 4 students using Yonisomanasikarn method indicated 87.63/89.70 while the 86.67/88.23 was found with Historical method.

2. Learning achievements and analytical thinking of students after learning management based on Yonisomanasikarn and Historical method were significantly higher than those of before at .01 level of significance.

3. Learning achievements and analytical thinking of students after learning through management based on Yonisomanasikarn and Historical method were not different.

4. Overview of students’ satisfaction towards learning management based on Yonisomanasikarn and Historical method indicated the high level of satisfaction.

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการ และการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการและการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบวิธีโยนิโสมนสิการและการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการ และการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่มโดยใช้หน่วยการสุ่มเป็นห้องเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนพยัคฆภูมิวิทยาคาร อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 2 ห้องเรียน ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 จำนวน 33 คน จัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการ และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 32 คน จัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการ 6 แผน และแผนการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ จำนวน 6 แผน แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย จำนวน 30 ข้อ เป็นข้อสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก แบบทดสอบมีค่าความยาก ตั้งแต่ 0.26-0.78 มีค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.41 ถึง 0.88 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.95 แบบวัดการคิดวิเคราะห์ จำนวน 3 ข้อ มีค่าความยาก ตั้งแต่ 0.47-0.62 มีค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.50-0.70 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)

ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

1. แผนการจัดการเรียนรู้สาระประวัติศาสตร์ เรื่อง เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แบบโยนิโสมนสิการมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.63/89.70 และการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ เท่ากับ 86.67/88.23

2. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการและแบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการและแบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ หลังเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ พบว่า ไม่แตกต่างกัน

4. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโยนิโสมนสิการและการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก