The Effectiveness of Health Literacy Development Program in the First Degree Relatives of Breast Cancer Patients on Breast Cancer-Preventive Behaviors

Abstract

This double-blind randomized control trial with two groups pretest-posttest control group design aimed to study the effectiveness of program for health literacy development of the first degree relative of breast cancer patient on breast cancer preventive behaviors to compare breast cancer prevention behaviors. The 48 samples were randomly assigned to 2 groups which consisted of 24 samples for each group. The experimental group participated in the effectiveness of program for health literacy development of the first degree relative of breast cancer patient on breast cancer preventive behaviors. The study was conducted over a period of 5 weeks. The data was analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation and paired-sample t-test and independent sample t-test. The result of participating in the health literacy program had been found that the experimental group had mean score of health literacy, health literacy in breast cancer prevention, breast cancer prevention behavior and breast self-examination skill higher than baseline and more than the control group as statistical significantly. The posttest of experimental group has managed stress better than the control group as statistical significantly.

Conclusion this program able to development for health literacy and behavior in breast cancer prevention and improving breast self-examination skills.

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง แบบอำพรางสองฝ่ายแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพด้านการป้องกันมะเร็งเต้านมในญาติสายตรงของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม กลุ่มตัวอย่างคือญาติสายตรงผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มารับบริการในโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ปี 2562 จำนวน 48 คน ทำการสุ่มอย่างง่ายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 24 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพ ระยะเวลา 5 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ แจกแจง ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Paired sample t-test และ Independent sample t-test ผลการศึกษาพบว่าหลังได้รับโปรแกรมฯ กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ทางสุขภาพ ความรอบรู้ทางสุขภาพด้านการป้องกันมะเร็งเต้านมสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯและสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการป้องกันมะเร็งเต้านม ทักษะการตรวจเต้านมด้วยตนเองและการจัดการความเครียดดีขึ้นกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ และดีกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

สรุปได้ว่า โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นสามารถพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพด้านการป้องกันมะเร็งเต้านม พฤติกรรมการป้องกันการมะเร็งเต้านม และเพิ่มทักษะการตรวจเต้านมด้วยตนเองได้ดีขึ้น