The Effect of Innovative Leadership on Innovative Behavior of Community Business Groups

Abstract

The objective of this research was to determine the relationship between innovative leadership and a group's innovative behavior. This research focused on the 5-star fabric and clothing enterprenuers in One Tambon One Product (OTOP). OTOP is a business group that should be supported. Moreover, it is important to study which areas of innovation leadership have a positive correlation with the group's innovation behavior. The questionnaire was used to collect data from 352 samples. Descriptive statistics and inferential statistics were used to test the research hypothesis.

Research findings revealed that the majority of community enterprises were female aged 50 years old. Most of the participants were married and did not hold a bachelor’s degree. Their average monthly income was 20,000-30,000 baht. 2) It showed that there were 8-15 members in each group of the 5-star fabric and clothing enterpreneurs in One Tambon One Product (OTOP). In addition, their operating capital was less than 3,000,000 baht with a period of 5 - 10 years in business. And the average annual income of the group was 500,000 - 1,000,000 baht. 3) Innovation Leadership, risk management, taking advantage of opportunities, adaptation to learning, and the ability to self-reliance have a positive correlation with the innovation behavior of 5-star fabric and clothing enterpreneurs in One Tambon One Product.

The results have the benefit of developing the competitiveness of community businesses by choosing leaders who are able to influence the development of innovation in the community. Furthermore, it could be used as a guildline for entrepreneurs to develop and upgrade their own capabilities for the competitive advantage of community businesses.

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมและพฤติกรรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมของกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ควรให้การสนับสนุนในปัจจุบันว่า ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมด้านใดบ้างมีความสัมพันธ์เชิงบวกพฤติกรรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมของกลุ่ม โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 352 ตัวอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และสถิติอ้างอิง เพื่อทดสอบสมมติฐานการวิจัย

ผลการศึกษาพบว่า 1) ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุมากกว่า 50 ปี ส่วนใหญ่มีถานภาพสมรส มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 20,000 -30,000 บาท 2) ธุรกิจชุมชนหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายที่ได้รับเกณฑ์การประเมินในระดับ 5 ดาว พบว่า ส่วนใหญ่มีจำนวนสมาชิกกลุ่ม 8-15 คน มีทุนในการดำเนินงานต่ำกว่า 3,000,000 บาท มีระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ 5 – 10 ปี และมีรายได้เฉลี่ยต่อปีของกลุ่มอยู่ระหว่าง 500,000 – 1,000,000 บาท 3) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ด้านการจัดการความเสี่ยง ด้านการหาประโยชน์จากโอกาส ด้านการปรับตัวเพื่อการเรียนรู้ และด้านความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อพฤติกรรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมของกลุ่มผู้ประกอบการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายที่ได้รับเกณฑ์การประเมินในระดับ 5 ดาว

การศึกษาในครั้งนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจชุมชน จากการเลือกผู้นำที่สามารถส่งอิทธิพลให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในชุมชน และเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของตนเอง เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจชุมชน