Information System Quality Management Model According to the Standard Structure of 43 Files of the Network of Primary Care Units in Ban Kruat District Buriram Province

Abstract

Information quality in medical and public health was always vital to developing the country’s health system. This action research was conducted with its objectives to find a model for information quality management according to the standard structure of 43 files. and to compare its quality before and after development. The study was divided into 3 phrases: 1) preliminary stage, 2) action stage, and 3) evaluation stage. The sample group consisted of 46 respondents who were involved in in information quality management according to the standard structure of 43 files. General and qualitative data were collected by means of questionnaires, observations and interviews. As for the information, the information according to the standard structure, 43 files, regarding accuracy, were collected from the National Health Security Office, Consistency accuracy and completeness and timeliness Collected from the Health Data Center, Buriram Provincial Public Health Office. The data were analyzed using descriptive statistics such as frequency, percentage, mean and standard deviation, Qualitative data using Content Analysis, The test statistics section uses Chi-square test, Fisher Exact test.

The results showed that the process of data quality management model for the 43 public health folders included 6 stages and 20 activities as follows: 1) preparation stage, 2) action stage by stakeholders, 3) human development stage, 4) supervision and following-up stage, 5) evaluation stage, and 6) reflection and conclusion stage. The process had formed a new development concept called the Bankruat Model. which in turn resulted in an increasing of knowledge, a better by knowledge Before Mean= 69.57 (S.D.=9.35) After Mean=91.78 (S.D.=7.00) the attitude before Mean=2.87 (S.D.=0.34) after Mean=4.51 (S.D.=0.33) and practical Before Mean=2.65 (S.D.=0.57) After Mean=2.84 (S.D.=0.36) Data quality in terms of accuracy, consistency, completeness and timeliness increased from 45.71, 99.91,99.84 and 82.29 to 97.40, 99.96, 99.86 and 98.96 percent, respectively. and its satisfaction was found to be at a high level Mean=4.65 (S.D.=0.24).

In summary, Information quality management model according to the standard structure 43 files comprised factors of success as follows: working as a teamwork in a network (stakeholders taking part in all activities) a participatory planning by stakeholder, a workshop to be recurrently held in a network level for developing the potential of personnel, a supervision to be made during an implementation stage, exchanging and sharing knowledge to raise awareness in practice, and channels for easy and convenient feedback (reflection). These factors contributed to a more effective operation

คุณภาพสารสนเทศทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษารูปแบบการจัดการคุณภาพสารสนเทศตามโครงสร้างมาตรฐาน 43 แฟ้มและเปรียบเทียบคุณภาพข้อมูลก่อนและหลังดำเนินการพัฒนา ดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่1 ขั้นเตรียมการ ระยะที่2 ขั้นดำเนินการ และระยะที่3 ขั้นประเมินผล กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการคุณภาพสารสนเทศตามโครงสร้างมาตรฐาน 43 แฟ้มจำนวน 46 คน เก็บรวบรวมข้อมูลทั่วไปและข้อมูลเชิงคุณภาพโดยโดยวิธีการตอบแบบสอบถาม การสังเกต และการสัมภาษณ์ ส่วนข้อมูลสารสนเทศตามโครงสร้างมาตรฐาน 43 แฟ้ม ด้านความถูกต้องเก็บจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ส่วนด้านความสอดคล้อง ด้านความถูกครบถ้วน และด้านความทันเวลา เก็บจากคลังข้อมูลสุขภาพสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ส่วนสถิติทดสอบใช้ Chi-square test, Fisher Exact test

ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการรูปแบบการจัดการคุณภาพระบบสารสนเทศตามมาตรฐานโครงสร้าง 43 แฟ้ม ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน 20 กิจกรรม คือ 1) ขั้นเตรียมการ 2) ขั้นดำเนินการพัฒนาโดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามขบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ 3) ขั้นพัฒนาบุคลากร 4) ขั้นนิเทศติดตามการดำเนินงาน 5) ขั้นประเมินผลการดำเนินงาน และ 6) ขั้นการสะท้อนกลับผลการปฏิบัติ หลังการดำเนินงานตามกระบวนการดังกล่าวทำให้ได้รูปแบบแนวคิดการพัฒนา คือ Bankruat Model ซึ่งส่งผลให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการคุณภาพข้อมูลดีขึ้น โดยด้านความรู้ ก่อนดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 69.57 (S.D.=9.35) หลังดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 91.78 (S.D.=7.00) ด้านเจตคติ ก่อนดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.87, S.D. = 0.34) หลังดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 (S.D.=0.33) และด้านการปฏิบัติ (ก่อนดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.65 (S.D.=0.57) หลังดำเนินการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.84 (S.D.=0.36) คุณภาพข้อมูลด้านความถูกต้อง ความสอดคล้อง ความครบถ้วนและความทันเวลาเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 45.71, 99.91, 99.84 และ 82.29 เป็นร้อยละ 97.40, 99.96, 99.86 และ 98.96 ตามลำดับ และมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 (S.D.=0.24)

สรุป รูปแบบการจัดการคุณภาพสารสนเทศตามโครงสร้างมาตรฐาน 43 แฟ้ม มีปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การทำงานเป็นทีมเครือข่ายโดยการมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม การวางแผนแบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในระดับเครือข่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร การติดตามนิเทศงานในระหว่างการดำเนินงาน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทำให้เกิดความตระหนักในการปฏิบัติและการมีช่องทางในการการสะท้อนกลับข้อมูลที่ง่ายและสะดวก จึงทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น