Agricultural Drought Monitoring in Multi-temporal using Data from Terra MODIS Satellite

Abstract

The objectives of this study are to create environmental indices from Terra/Modis for agricultural drought detecting, monitoring, and mapping in middle-part of northeast region of Thailand. In this study Terra/Modis datasets from 1 January 2009 to 31 December 2019 were firstly complied for creating the environmental indices including Vegetation Condition Index (VCI) and Normalized Difference Vegetation Index (NDVI).

The main results indicate that VCI can be used to detect drought and non-drought year. This can indicate about physical data of drought including drought boundary period, relationship between drought and crop calendar. An evaluation of drought risk areas found that most areas in the middle-part northeastern of Thailand are in moderate and extreme drought. The most intense period of drought that affected 71.47% or 22,456.76 square kilometres of this area occurred in August 2013. In conclusion, it appears that VCI and NDVI can be used as a good tool for detecting, monitoring and mapping crop drought, especially drought boundary and period.

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างดัชนีทางสิ่งแวดล้อมจากข้อมูลดาวเทียม Terra/Modis สำหรับใช้ในการค้นหา ติดตาม และสร้างแผนที่ภัยแล้งทางด้านการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย ในการศึกษาครั้งนี้นำข้อมูลภาพดาวเทียม Terra/Modis บันทึกข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 และ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มาสร้างเป็นชุดข้อมูลเพื่อนำไปสร้างดัชนีทางสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ดัชนีผลต่างพืชพรรณ (NDVI) และดัชนีสภาวะพืชพรรณ (VCI)

ผลการศึกษาพบว่า ดัชนีสภาวะพืชพรรณสามารถค้นหาปีที่เกิดภัยแล้งและไม่เกิดภัยแล้งได้ซึ่งบ่งชี้ข้อมูลทางกายภาพของภัยแล้ง ประกอบด้วย ขอบเขตและระยะเวลาของภัยแล้ง ความสัมพันธ์ระหว่างภัยแล้งกับปฏิทินการเพาะปลูกทางการเกษตร ผลการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเสี่ยงภัยแล้งปานกลางและมีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งมาก โดยพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งมากที่สุดคือเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 มีพื้นที่ 22,456.76 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 71.47 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า ดัชนีผลต่างพืชพรรณและดัชนีสภาวะพืชพรรณสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือที่ดีในการค้นหา ติดตาม และจัดทำแผนที่ภัยแล้งทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอบเขตของภัยแล้งและระยะเวลาของการเกิดภัยแล้ง