The Development of Problem-Solving Ability in Chemistry Proposition on the Topic of Stoichiometry by Using The 5E’s of Inquiry-Based Learning combined with The FOPS Strategy for Matthayomsuksa 4 Students

Abstract

The purpose of this research was to develop the ability to solve chemical problems regarding stoichiometry of Matthayomsuksa 4 students who received the 5E's of inquiry-based learning combined with the FOPS strategy to pass the criteria of 70 percent. This research was the type of action research which consists of 3 cycles. The target group for this research consisted of 25 Matthayomsuksa 4 students from Sarakhampittayakhom School. The selection of participants was done through purposive sampling. The research instrument used in this study were 1) 9 lesson plan of the 5E's of inquiry-based learning combined with the FOPS strategy on stoichiometry of 14 hours, 2) the 3 set of chemistry problem-solving ability test which each set comprising 9 questions, 3) the behavioral observation model of problem-solving ability in chemistry, and 4) the student interview. The statistics used for data analysis include percentages, mean values, and standard deviations.

The research presented that in the first action cycle, 10 students passed the ability to solve chemistry problems criterion 70%, equivalent to 40.00%. In the second action cycle, 17 students passed the ability to solve chemistry problems criterion 70%, equivalent to 68.00%. In the third action cycle, 23 students passed the ability to solve chemistry problems criterion 70%, equivalent to 92.00%. In summary, students who received learning activities developed high problem-solving ability in chemistry. Thus, the learning activities using the 5E's of inquiry-based learning combined with the FOPS strategy can enhance the problem-solving ability in chemistry for the targeted group of students.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมี เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นร่วมกับกลวิธีเอฟโอพีเอส ให้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 วิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงรอบปฏิบัติการ 3 วงรอบ กลุ่มเป้าหมายสำหรับการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จำนวน 25 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นร่วมกับกลวิธีเอฟโอพีเอส เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ จำนวน 9 แผนการเรียนรู้ เวลา 14 ชั่วโมง 2) แบบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีแบบอัตนัย จำนวน 3 ชุด ชุดละ 9 ข้อ 3) แบบสังเกตพฤติกรรมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมี 4) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า วงรอบปฏิบัติการที่ 1 นักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 วงรอบปฏิบัติการที่ 2 นักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 68.00 และวงรอบปฏิบัติการที่ 3 นักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 92.00 สรุปได้ว่านักเรียนมีระดับความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีที่สูงขึ้น ดังนั้นการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นร่วมกับกลวิธีเอฟโอพีเอส สามารถพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเคมีของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้