Development of Diagnostic Tests in Learning Mathematics on the Topic of two-dimensional geometric figure for Grade 6 Students under the Yasothon Primary Educational Service Area Office 1.

Abstract

This research aims to create and evaluate the quality of a mathematics diagnostic test, diagnose mathematics learning, and study methods to address learning deficiencies, on the Topic of two-dimensional geometric figure for Grade 6 Students under the Yasothon Primary Educational Service Area Office 1. The sample used in the research consisted of 431 sixth-grade students from Yasothon Primary Educational Service Area Office 1, randomly selected. The research instruments included a diagnostic test for identify deficiencies, a diagnostic test, and teacher interviews. The quality of the diagnostic test was analyzed using Item Response Theory (IRT). Basic statistics were used to diagnose deficiencies, and key points from interviews were interpreted to study methods for addressing deficiencies. The research findings are as follows: 1. The quality of the diagnostic test showed the discrimination parameter (a) ranged from 0.29 to 2.43, the difficulty parameter (b) ranged from -0.79 to 2.22, and the guessing parameter (c) ranged from 0.00 to 0.30. For respondents with an ability level (θ) between -3 and 3, the item information function values ranged from 0 to 0.81, and the highest test information (I(θ)) was for students with an ability level θ = 0.87 2. In diagnosing learning deficiencies in the topic of two-dimensional geometry, it was found that the most common weakness were in problem-solving involving triangles, problem-solving involving circles, the area of circles, the area of triangles, and the area of quadrilaterals. 3. Methods to address these learning deficiencies include checking student’s prior knowledge and reviewing old content to prepare students, promoting problem analysis, encouraging students to memorize formulas, explaining the origins of formulas, practicing with exercises, reviewing mathematical operations, especially multiplication and division, and incorporating real-life situations and the students' surrounding environment into the lessons.

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อสร้างและหาคุณภาพแบบทดสอบวินิจฉัยการเรียนคณิตศาสตร์ เพื่อวินิจฉัยการเรียนคณิตศาสตร์ และเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องในการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายโสธร เขต 1 ที่ได้จากการสุ่ม จำนวน 431 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบเพื่อสำรวจจุดบกพร่อง แบบทดสอบวินิจฉัย และแบบสัมภาษณ์ครู ในการหาคุณภาพของแบบทดสอบวินิจฉัย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ (Item Response Theory) ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐานและในการศึกษาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องในการเรียนคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการพิจารณาและตีความประเด็นสำคัญจากบทสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า 1. คุณภาพของแบบทดสอบวินิจฉัย มีค่าอำนาจจำแนก (a-parameter) อยู่ระหว่าง 0.29 – 2.43 ค่าความยาก (b-parameter) อยู่ระหว่าง -0.79 – 2.22 ค่าการเดา (c-parameter) อยู่ระหว่าง 0.00 – 0.30 และสำหรับผู้ตอบที่มีความสามารถ θ อยู่ระหว่าง -3 ถึง 3 แบบทดสอบวินิจฉัยการเรียนคณิตศาสตร์นี้ ให้ค่าสารสนเทศของข้อสอบแต่ละข้ออยู่ระหว่าง 0 – 0.81 และค่าสารสนเทศของแบบสอบ (Test Information : I(θ)) ที่สูงที่สุดตรงกับนักเรียนที่มีความสามารถ θ = 0.87 2. ผลการวินิจฉัยข้อบกพร่องทางการเรียนคณิตศาสตร์เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติ พบว่า ประเด็น ที่พบข้อบกพร่องมากที่สุด คือ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสามเหลี่ยม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับวงกลม พื้นที่ของวงกลม พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม และพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม 3. แนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการเรียนคณิตศาสตร์ คือ การตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนและทบทวนเนื้อหาเดิมเพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียน การส่งเสริมการวิเคราะห์โจทย์ การส่งเสริมให้นักเรียนจำสูตรได้ การอธิบายที่มาของสูตร การทำแบบฝึกหัด ทบทวนการดำเนินการทางคณิตศาสตร์โดยเฉพาะการคูณและการหาร และการนำสถานการณ์จริง สิ่งแวดล้อมรอบตัวของนักเรียนเข้ามาในบทเรียน