Please use this identifier to cite or link to this item:
http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/3012
Title: | Factors influencing the adoption of small unmanned aerial vehicles (Drone) in large-scale agriculture: a case study of large-scale rice field agriculture in Maha Sarakham Province ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) มาใช้ในเกษตรแปลงใหญ่ กรณีศึกษา เกษตรแปลงใหญ่ประเภทนาข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม |
Authors: | Sarut Assavakul ศรุต อัศวกุล Charuay Savithi จรวย สาวิถี Mahasarakham University Charuay Savithi จรวย สาวิถี charuay.s@msu.ac.th charuay.s@msu.ac.th |
Keywords: | เกษตรแปลงใหญ่ อากศยานไร้คนขับขนาดเล็ก ประสิทธิภาพการเกษตร Large-scale Small-scale unmanned aerial verial vegicles (droneds) Agricultural efficiency Pest control Policy recommendations Maha Sarakham Province Thailand |
Issue Date: | 14 |
Publisher: | Mahasarakham University |
Abstract: | Exploring the Feasibility of Small-Scale Unmanned Aerial Vehicles (drones) in Large-Scale Paddy Agriculture: A Case Study in Maha Sarakham Province, Thailand This study examines the factors influencing the adoption of small-sized drones in large-scale paddy farming within the Province of Maha Sarakham, Thailand. It investigates the feasibility of drone integration into this agricultural context and presents policy recommendations for their successful implementation. Employing a mixed-method approach, data is collected through surveys conducted among agricultural operators and personnel engaged in large-scale paddy farming across the province's 13 districts. For quantitative analysis, 56 paddy fields exceeding 30 members each were selected, yielding an estimated population of 1,680 individuals. Taro Yamane's formula established a target sample size of 323 individuals for quantitative data collection. Key findings reveal that cost-effectiveness is the primary consideration for most agricultural operators in pest control due to factors like limited arable land, low capital, knowledge resource scarcity, and unpredictable crop pricing. Consequently, investments in pest control tend to be minimal. However, the environmental repercussions of chemical usage are acknowledged, and most farmers endorse the concept of government-mediated agricultural mechanization, emphasizing cost-effectiveness and operational capacity of machinery. Limited experience with drones presents challenges related to language and engineering barriers. Primarily imported, drones often operate in English due to commercial factors. Despite these obstacles, farmers demonstrate receptiveness towards drone implementation in agriculture, citing three key benefits: increased agricultural efficiency, precise control facilitated by electronic and computer systems, and cost savings in fertilizer and chemical utilization. การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) มาใช้ในเกษตรแปลงใหญ่ กรณีศึกษา เกษตรแปลงใหญ่ประเภทนาข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) มาใช้ในเกษตรแปลงใหญ่ประเภทนาข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการนำอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) มาใช้ในเกษตรแปลงใหญ่ประเภทนาข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม และเพื่อนำเสนอแนวทางเชิงนโยบายในการนำอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) มาใช้ในเกษตรแปลงใหญ่ประเภทนาข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นการศึกษาแบบผสมผสาน และเก็บข้อมูลผ่านการใช้เครื่องมือแบบสอบถามกับผู้ประกอบการ และบุคลากรซึ่งประกอบกิจการเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามจำนวน 13 อำเภอ โดยกลุ่มตัวอย่างสำหรับการศึกษาเชิงปริมาณนั้น จากผู้ประกอบการ และบุคลากรซึ่งประกอบกิจการเกษตรแปลงใหญ่ ประเภทนาข้าว ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 56 แปลง โดยเงื่อนไขของเกษตรแปลงใหญ่คือ 1 แปลงต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 30 ราย ดังนั้นจึงคิดจำนวนประชากรได้ 1680 ราย ผู้ศึกษาได้เลือกใช้สมการการหากลุ่มตัวอย่างของ ของทาโร ยามาเน (Taro Yamane)และได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ข้อมูลเชิงปริมาณเท่ากับ 323 ราย ผลการศึกษาพบว่าด้านผลการสัมภาษณ์สามารถสรุปได้ว่าการกําจัดโรคแมลงศัตรูพืชด้วยสารเคมีเกษตรกรจะคิดเพียงกรณี “ต้นทุนต่ำ” เนื่องจากมีสาเหตุหลายปราการ อาทิมี พื้นทำเกษตรน้อย มีทุนน้อย ขาดองค์ความรู้ และเหตุผลสำคัญคือ ไม่สามารถกำหนดราคาพืชผลได้อย่างแน่นอน จึงต้องลงทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผลกระทบจากการใช้สารเคมีที่ตามมามีมากมายอยู่นอกเหนือการขอบเขต “การประกอบอาชีพเกษตร” เมื่อมองภาพในรวม เกษตรกรส่วนมากเห็นว่าการทุ่นแรงของภาคการเกษตรควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องวิจัยเครื่องจักรกลเกษตรที่มีความเหมาะสมในการใช้งานทั้งในด้านราคา และความสามารถในการทำงานต่อวัน ประกอบกับเกษตรซึ่งร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่มีประสบการณ์การใช้งานอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กน้อย ส่งผลให้ด้านทักษะการใช้งานอากาศยานไร้คนขับมาใช้กับการเกษตรด้วยตนเองจึงเป็นไปด้วยความยากลำบากใน 2 ประเด็น ได้แก่ ด้านภาษา และด้านวิศวกรรม กล่าวคือ อากาศยานไร้คนขับที่นำมาใช้สำหรับการเกษตรนั้น เกือบทั้งหมดถูกผลิตในต่างประเทศทั้งฮาร์ทแวร์ และซอฟแวร์ ดังนั้นภาษาที่ถูกใช้ส่วนมากจึงเป็นภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลางด้วยเหตุผลทางการค้า ด้วยสาเหตุดังกล่าว การใช้คำสั่ง หรือการทำความเข้าใจจึงต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีนเสียก่อน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอุปสรรคในการใช้งานก็ตาม แต่เกษตรกรส่วนมากได้ยอมรับอากาศยานไร้คนขับมาใช้กับการเกษตร มีเหตุผลหลักอยู่ 3 ประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำเกษตรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากอากาศยานไร้คนขับที่นำมาใช้กับการเกษตรนั้น มีการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ที่มาจากการคำนวณอย่างแม่นยำ จึงสามารถกล่าวได้ว่าการปฏิบัติงานของอากาศยานไร้คนขับที่นำมาใช้กับการเกษตร ทั้งการรดน้ำที่แม่นยำ รวมไปถึงการใส่ปุ๋ยใบ หรือยาฆ่าแมลงแบบน้ำ จะมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และความแม่นยำดังกล่าวนี้เอง จะช่วยให้เกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรแปลใหญ่สามารถประหยัดต้นทุนด้านปุ๋ย หรือสารเคมีที่นำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
URI: | http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/3012 |
Appears in Collections: | Mahasarakham Business School |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
63010980001.pdf | 1.9 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.