Please use this identifier to cite or link to this item: http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/616
Title: Development of Mathematics Learning Activities on Decimal and Fraction for Mattayomsuksa 1 Students between CIPPA Learning Method to Promote Analytical Thinking and the Tradition Learning Activities
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ
Authors: Pawarisa Bunchan
ปวริศา บุญจันทร์
Maliwan Tunapan
มะลิวัลย์ ถุนาพรรณ์
Mahasarakham University. The Faculty of Science
Keywords: การเรียนรู้แบบซิปปา
การคิดวิเคราะห์
ทศนิยมเเละเศษส่วน
CIPPA
Analytical Thinking
Decimal and Fraction
Issue Date:  15
Publisher: Mahasarakham University
Abstract:           The purposes of this research were to: 1) development of mathematics learning activities by CIPPA learning method to promote analytical thinking on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 student with a required efficiency of 75/75, 2) study the effective index value of the learning plan CIPPA learning method to promote analytical thinking on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 students, 3) compare of mathematics achievement and mathematics analytical thinking ability on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 students between CIPPA learning method to promote analytical thinking and the tradition learning activities, 4) study about attitude of CIPPA learning method to promote analytical thinking on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 student. The research sample group was Mattayomsuksa 1 students in Roi Et  Wittayalai school, Mueang, Roi Et, enrolled in semester 2, 2017, selected from 2 classes by Cluster Random Sampling in which are the experimental and control groups. students in each classroom were divided into proficient group, intermediate group and low – level group. The experimental group used the learning plan by CIPPA learning method to promote analytical thinking and control group used the tradition learning activities plan. Research tools consisted of 18 learning plans by CIPPA learning method to promote analytical thinking and control group used the tradition learning activities of Mattayomsuksa 1 student, with 30 item 4-mutiple-choice of learning achievement test and with 6 item mathematics ability in analytical thinking test and 15 item attitude test of CIPPA learning method to promote analytical thinking. The statistical method employed for data analysis were percentage, mean, standard deviation and Hotelling - T2. The results of the research were as follows:  1) The mathematical-learning plan by CIPPA learning method to promote analytical thinking on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 student had an effective index of 79.42 / 77.78, which met the required criterion set at 75/75. 2) The mathematical-learning plan on decimal and fraction for Mattayomsuksa 1 students by CIPPA learning method to promote analytical thinking had an effective index of 0.6875 or 68.52 percent.  3) Mattayomsuksa 1 students who study CIPPA learning method CIPPA learning method to promote analytical thinking have a mathematical achievement and  mathematics analytical thinking ability on decimal and fraction are higher than Mattayomsuksa 1 students who study tradition learning activities at the 0.01 of significance.  4) Mattayomsuksa 1 students are increased their attitude by CIPPA learning method to promote analytical thinking in high level. In conclusion, an organization of mathematical-learning activity by using CIPPA learning method to promote analytical thinking on decimal and fraction Mattayomsuksa 1 students was appropriately efficient that could make the achievement even higher and ability in analytical thinking even higher and the attitude in high level. The teacher should be supported to implement this in learning plan and teaching method in the future.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพ 75/75 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปากับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 60 จาก 2 ห้องเรียน โดยมีวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ซึ่งเป็นกลุ่มทดลอง 1 ห้องและกลุ่มควบคุม 1 ห้อง โดยแต่ละห้องเรียนจัดการเรียนรู้แบบคละความสามารถ คือ กลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลางและกลุ่มอ่อนคละกันไป กลุ่มทดลองเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และกลุ่มควบคุมเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนแบบละ 18 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เป็นแบบอัตนัย จำนวน 6 ข้อ และแบบวัดความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ Hotelling - T2  ผลการวิจัยปรากฏดังนี้  1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 79.42 / 77.78  2) ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 0.6875 หรือคิดเป็นร้อยละ 68.75  3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01  4) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รวมแล้วอยู่ในระดับมากที่สุด โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเหมาะสม ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนสูงขึ้นและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ในระดับมากที่สุดด้วย จึงควรสนับสนุนให้ครูนำวิธีการนี้ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป
Description: Master of Science (M.Sc.)
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.)
URI: http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/616
Appears in Collections:The Faculty of Science

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
58010283004.pdf3.74 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.