Developing the Guidelines for School Fund Raising under the Secondary Educational Service Area Office 27

Abstract

This study aimed to : 1) study existing condition, desirable condition and need order of the school fund raising ; 2) developing the guidelines for school fund raising under the Secondary Educational Service Area Office 27. The study consisted of 2 phases : Phase 1 existing condition and desirable condition for school fund raising study by using a questionnaire, and need index analysis ; Phase 2 School fund raising guidelines designing. The sample consisted of 387 school directors and teachers selected by proportional stratified random sampling technique accompanied by an interview about school fund raising success with 3 school directors ; and 9 experts for the school fund raising guidelines development for Phase 2. The tools for this study were 5-rated scale questionnaire, interviewing form and suitability and feasibility evaluation form. Percentage, arithmetic means, standard deviation and Priority Needs Index (PNI) was used to analyze the obtained data.

The research result were

1. From the existing condition of school fund raising, it was found that there were high average score as a whole and by aspects. The desirable condition of the school fund raising average score was at highest level as a whole and at highest level for every aspect. From school fund raising need index analysis, the need priorities were school fund raising planning, school fund raising case for support, school fund raising implementation, and school fund raising evaluation respectively.

2. The school fund raising guidelines consisted of 4 factors 15 guidelines. 1) school fund raising case for support 3 guidelines. 2) school fund raising planning 6 guidelines. 3) school fund raising implementation 4 guidelines. 4) school fund raising evaluation 2 guidelines. From school fund raising guideline evaluation by the experts, it was found that the guidelines were both high level of suitable and feasible.

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และลำดับความต้องการจำเป็นการระดมทุนของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 2) เพื่อพัฒนาแนวทางการระดมทุนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 การวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์การระดมทุนสำหรับสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 ระยะที่ 2 การพัฒนาแนวทางการระดมทุนสำหรับสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยระยะที่ 1 ได้แก่ ผู้บริหารและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 จำนวน 387 คน โดยการสุ่มเชิงช่วงชั้นอย่างมีสัดส่วน ระยะที่ 2 สัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 3 คน ที่ประสบความสำเร็จในการระดมทุน และประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการระดมทุน โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีความต้องการจำเป็น

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา พบว่า โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ผลการศึกษาสภาพที่พึงประสงค์ของการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีความต้องการจำเป็นในการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ การวางแผนการระดมทุน การกำหนดประเด็นการระดมทุน การดำเนินการระดมทุน และ การประเมินผลการระดมทุน

2. แนวทางการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 มี 4 องค์ประกอบ 15 แนวทาง ดังนี้ 1) การกำหนดประเด็นการระดมทุน 3 แนวทาง 2) การวางแผนการระดมทุน 6 แนวทาง 3) การดำเนินการระดมทุน 4 แนวทาง และ 4) การประเมินผลการระดมทุน 2 แนวทาง ผลการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการระดมทุนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 โดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก