Factors related to perceived cannabis refusal self-efficacy among vocational students

Abstract

Cannabis was previously classified as a category 5 drug under the Narcotics Act in Thailand in 1979, which was strictly controlled. Later in the year 2022, Cannabis was removed from category 5 narcotics and the use of medical Cannabis was promoted. Thus Cannabis as easy to access.

Objective: This research examined the relationships between Resilience Questionnaires, Family Connectedness Questionnaires, Social support Questionnaires and Cannabis Refusal Self- Efficacy Questionnaire.

Research Methods: The sample consisted of both male and female students studying at the Vocational Certificate level (Vocational Certificate) of 332 in the Office of the Northeastern Vocational Education Commission in a province of Thailand. Data were collected using a personal information questionnaire, Resilience Questionnaires, Family Connectedness Questionnaires, Social support Questionnaires and Cannabis Refusal Self- Efficacy Questionnaire. Cronbach’s alpha coefficients for internal reliability of the instruments were 0.97, 0.93, 0.95 and 0.97 respectively. Data were analyzed using descriptive statistics and Pearson's correlation coefficients.

Results: Most sample of male (73.80%) Their average age was 16 years (SD = 0.96). The relationship between Resilience and perceived cannabis refusal self-efficacy was positive and moderate (r = 0.450, p < 0.01). The relations between Family Connectedness and perceived cannabis refusal self-efficacy were positive and moderate (r = 0.470, p < 0.01). The relationship between social support and perceived cannabis refusal self-efficacy were positive and moderate (r = 0.500, p < 0.01). Statistically at the .05 level.

Conclusion: The results of this research will be beneficial to health personal, teachers and people involved. should be used to study factors Predicting perceived cannabis refusal self-efficacy among vocational students for promotion of perceived cannabis refusal self-efficacy among vocational students effectively.

กัญชาเคยจัดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ตามพระพระราชบัญญัติยาเสพติดใน ประเทศไทย ในปี พ.ศ.2522 ซึ่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่สามารถใช้กัญชาทั้งเพื่อสันทนาการและเพื่อการแพทย์ แต่ในปี พ.ศ. 2565ได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และมีการส่งเสริมการใช้กัญชาด้านการแพทย์ และทำให้นักเรียนอาชีวศึกษาเข้าถึงกัญชาได้ง่ายหากไม่มีสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการเสพกัญชา และอาจส่งผลต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคมได้

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแกร่งในชีวิต ความผูกพันในครอบครัวการสนับสนุนทางสังคม กับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการเสพกัญชาของนักเรียนอาชีวศึกษา

วิธีการทำวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนทั้งเพศชายและหญิงที่กำลังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดหนึ่ง จำนวน 332 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามส่วนบุคคล แบบประเมินความแข็งแกร่งในชีวิต ความผูกพันในครอบครัว การสนับสนุนทางสังคม และการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการเสพกัญชา (ฉบับภาษาไทย) มีค่าความเชื่อมั่น 0.97, 0.93, 0.95 และ 0.97 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 73.80 อายุเฉลี่ย 16 ปี (SD = 0.96) โดยมีความสัมพันธ์กับความแข็งแกร่งในชีวิตมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการเสพกัญชา (r = 0.450, p < 0.01) ความผูกพันในครอบครัวมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในปฏิเสธการเสพกัญชา (r = 0.470, p < 0.01) การสนับสนุนทางสังคม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธ การเสพกัญชา (r = 0.500, p < 0.01) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

สรุปและข้อเสนอแนะ: ผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์ ครู และผู้เกี่ยวข้อง ควรนำผลการศึกษาในครั้งนี้มาใช้ศึกษาปัจจัยที่สามารถร่วมกันทำนายการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการเสพกัญชาของนักเรียนอาชีวศึกษาเพื่อให้มีความชัดเจนในเรื่อง การส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามารถปฏิเสธการเสพกัญชาได้อย่างมั่นคง