The Development Model for Educational Quality Development under Office of the Primary Educational Service Area in the North Eastern Area

Abstract

This research the aim is to 1) Study the elements and indicators, 2) Study the current conditions, desirable conditions, and necessary needs. 3) Create and develop patterns, and 4) To study the results of the use of the school management model to improve the quality of education, affiliated to the Northeast Primary Education Area Office. The research is divided into 4 phases: Phase 1 studies the elements and indicators, Phase 2 studies the current conditions. Phase 3 Design, Creation, and Development of the Model, and Phase 4 Study the Results of the Use of the School Management Model to Improve the Quality of Education. The group of informants includes qualified persons. 5 people by specific selection (Purposive Sampling), Director of Educational Institution, Deputy Director of Educational Institution Head of Department and Teacher The sample group includes school administrators and heads of departments affiliated to the Primary Education Area Office. Office of the Basic Education Commission in the Northeast Region A total of 380 people and 380 department heads were obtained by a multi-step random method (Multi-stage Sampling The research tools include 1) Suitability assessment of elements and indicators, 2) Assessment for experts, 3) Current condition and desirable condition questionnaire. 4) Interview form for educational institutions with best practices 5) possibility the usefulness of the school management model for quality improvement is evaluated by qualified experts. 6) Evaluation of results according to the school management model. The statistics used in the data analysis are averaged. (x̅) standard deviation (S.D.) and priority index.

The results of the research that:

1. The results of the study on the elements and indicators of the management of educational institutions to improve the quality of education consist of 8 components, 17 indicators, evaluation results, and appropriateness.

2. The results of the study on the current conditions, desirable conditions, and necessary needs include: The overall current condition is at a high level. Overall desirable conditions are at the highest level. The order of needs needed to administer education according to standards Regional Office of Education for Excellence The necessary needs can be sorted in descending order as follows: 1st Outcome, 2nd Leadership, and Strategic Planning 3rd Focus on learners and stakeholders 4th Measurement Knowledge analysis and management are the fifth priority: process management, and the sixth priority is people-oriented.

3. The results of designing, creating and developing the school management model include: Part 1 Conceptual Principles Part 2 Objectives Part 3 Implementation Process consists of 7 aspects and 135 guidelines. Part 4 Measurement and Evaluation Part 5 Conditions for the Implementation of the Model Results of Suitability Assessment The feasibility and usefulness by 5 experts. The possibilities are at a high level, and the benefits are at the highest level.

4. Results of the study on the use of the school management model.

4.1 Assessment of knowledge and understanding before and after Development by measuring knowledge and understanding of the school management model to improve the quality of education. Before applying the model, the average pre-training knowledge assessment score was 16.20. The score out of 30 points is 54 percent, and the average post-training knowledge assessment score is 28.40. From a score of 30 The score was 94.67 percent when testing the difference in the average score. It was found that the score of the knowledge assessment after the training was high. statistically significant pre-training knowledge assessment score of .05.

4.2 Evaluation of the results according to the school management model to improve the overall quality of education before the use of the model (x̅ = 3.44). After the use of the model, the overall results resulting from the implementation of the guidelines according to the model of school management to improve quality are at the highest level (x̅ = 4.62). The results of the individual actions are as follows: 4.2.1) In terms of the quality of learners, there are overall results resulting from the implementation of the pattern-based approach is moderate. (x̅ = 3.46). After the modeling, the overall results resulting from the implementation of the model-based approach were at a high level. (x̅ = 4.59) 4.2.2) Administrative and management processes before the use of the overall model. The results of the implementation of the model-based approach are moderate. (x̅ = 3.45) After the application of the model, the overall results caused by the implementation of the model were at the highest level. (x̅ = 4.64) 4.2.3) In terms of the teaching and learning management process that focuses on learners, before the use of the model, the overall results resulting from the implementation of the model-based approach are moderate. (x̅ = 3.41) After the overall model was used, the results resulting from the implementation of the model-based approach were at the highest level. (x̅ = 4.64).

การวิจัยในครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ และตัวบ่งชี้ 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ และสภาพความต้องการจำเป็น 3) ออกแบบ สร้างและพัฒนารูปแบบ และ 4) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ ระยะที่ 2 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และสภาพความต้องการจำเป็น ระยะที่ 3 การออกแบบ สร้าง และพัฒนารูปแบบ และระยะที่ 4 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสถานศึกษา หัวหน้าฝ่ายและครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน และหัวหน้าฝ่าย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 380 คน หัวหน้าฝ่าย 380 คน รวมทั้งสิ้น 760 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบง่าย (Random Sampling) เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวบ่งชี้ 2) แบบประเมินสำหรับผู้เชี่ยวชาญ 3) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ 4) แบบสัมภาษณ์สถานศึกษาที่มีวิธีปฏิบัติที่ดี (Best practices) 5) แบบประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ของ รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพ ประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 6) แบบประเมินผลลัพธ์ตามรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย (x̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และดัชนีลำดับความสำคัญ

ผลการวิจัยพบว่า

1. องค์ประกอบ และตัวบ่งชี้ของการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ 17 ตัวบ่งชี้ ผลการประเมิน ความเหมาะสม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

2. สภาพปัจจุบันโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ลำดับความต้องการจำเป็นในการบริหารจัดการศึกษาตามมาตรฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ ลำดับที่ 1 ผลลัพธ์ลำดับที่ 2 ภาวะผู้นำ และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ลำดับที่ 3 การมุ่งเน้นผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ลำดับที่ 4 การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ลำดับที่ 5 การจัดการกระบวนการ และลำดับที่ 6 การมุ่งเน้นบุคลากร

3. รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาประกอบด้วย ส่วนที่ 1 หลักการแนวคิด ส่วนที่ 2 วัตถุประสงค์ ส่วนที่ 3 กระบวนการดำเนินงาน ประกอบด้วย 7 ด้าน 135 แนวทาง ส่วนที่ 4 การวัดและประเมินผล ส่วนที่ 5 เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ผลการประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยภาพรวมความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก และความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด

4. ผลศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา

4.1 การประเมินความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการพัฒนา โดยการวัดความรู้ ความเข้าใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ก่อนนำรูปแบบไปใช้มีคะแนนประเมินความรู้ก่อนการอบรมเฉลี่ย 16.20 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 54 และมีคะแนนประเมินความรู้หลังการอบรมเฉลี่ย 28.40 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 94.67 เมื่อทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยของคะแนน พบว่า คะแนนประเมินความรู้หลังการอบรมสูงกว่าคะแนนประเมินความรู้ก่อนการอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4.2 การประเมินผลลัพธ์ตามรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยรวมก่อนการใช้รูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.44) หลังการการใช้รูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ การบริหารจัดการสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̅ = 4.62) ผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการรายด้าน ดังนี้ 4.2.1) ด้านคุณภาพผู้เรียน โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.46) หลังการรูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ อยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.59) 4.2.2) ด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ ก่อนการใช้รูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.45) หลังการใช้รูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามรูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̅ = 4.64) 4.2.3) ด้านด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ก่อนการใช้รูปแบบ โดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.41) หลังการใช้รูปแบบโดยรวมมีผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการตามแนวทางตามรูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̅ = 4.64)