Please use this identifier to cite or link to this item:
http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/955
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor | Thongchai Pronyusri | en |
dc.contributor | ธงชัย พรยุศรี | th |
dc.contributor.advisor | Wannasakpijitr Boonserm | en |
dc.contributor.advisor | วรรณศักดิ์พิจิตร บุญเสริม | th |
dc.contributor.other | Mahasarakham University. The Faculty of Environment and Resource Studies | en |
dc.date.accessioned | 2021-09-05T09:01:18Z | - |
dc.date.available | 2021-09-05T09:01:18Z | - |
dc.date.issued | 9/6/2021 | |
dc.identifier.uri | http://202.28.34.124/dspace/handle123456789/955 | - |
dc.description | Master of Science (M.Sc.) | en |
dc.description | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) | th |
dc.description.abstract | The purposes of this research were to development of environmental education teaching plans using problem and focus group processes based learning to be efficient and effective, to study and compare knowledge, attitude and environmental ethics of students before and after class and to compare knowledge, attitudes and environmental ethics of students with different gender. The sample used in the research were 1st year 75 undergraduate students in Environmental Education program, Faculty of Environment and Resource Studies, Mahasarakham University, which was obtained by purposive sampling. The research instruments were teaching plans for environmental education using problems and focus group processes based -learning, environmental knowledge test, environmental attitude test and environmental ethics test. The statistics used for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation and hypothesis testing using t-test, F-test (One – Way MANOVA, One – Way MANCOVA). The results of the research showed that: 1. Teaching plans for environmental education using problems and focus group processes - based learning for undergraduate students were efficiency 86.12 / 82.12, the index of effectiveness was 0.6476, meaning that students had increased knowledge about the environment and effected students having more learning progress Increased after using the lesson plan 64.76 percent. 2. The students had average score of knowledge about environment, environmental attitude and environmental ethics after study higher than before study with statistical significance at the level. 05. 3. There was no difference of average score of knowledge about environment, environmental attitude and environmental ethics of The students with different gender. | en |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแผนการสอนสิ่งแวดล้อมศึกษา โดยใช้ปัญหาและกระบวนการกลุ่มเป็นฐานการเรียนรู้ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความรู้ ทัศนคติ และจริยธรรมสิ่งแวดล้อมของนิสิตก่อนและหลังการเรียน และเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความรู้ ทัศนคติ และจริยธรรมสิ่งแวดล้อมของนิสิตที่มีเพศต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นิสิตระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาสิ่งแวดล้อมศึกษา คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 75 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการสอนสิ่งแวดล้อมศึกษา โดยใช้ปัญหาและกระบวนการกลุ่มเป็นฐานการเรียนรู้ แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แบบวัดทัศนคติต่อสิ่งแวดล้อม และแบบวัดจริยธรรมสิ่งแวดล้อม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ Paired t-test and F-test (One–Way MANOVA, One–Way MANCOVA) ผลการศึกษาพบว่า 1. แผนการสอนสิ่งแวดล้อมศึกษาโดยใช้ปัญหาและกระบวนการกลุ่มเป็นฐานการเรียนรู้สำหรับนิสิตปริญาตรี มีประสิทธิภาพ 86.12/82.12 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6476 หมายความว่า นิสิตมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นและส่งผลให้นิสิตมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นหลังการเรียนร้อยละ 64.76 2. นิสิตมีคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทัศนคติต่อสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมสิ่งแวดล้อม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นิสิตที่มีเพศต่างกัน มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทัศนคติต่อสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมสิ่งแวดล้อม ไม่แตกต่างกัน | th |
dc.language.iso | th | |
dc.publisher | Mahasarakham University | |
dc.rights | Mahasarakham University | |
dc.subject | การสอนสิ่งแวดล้อมศึกษา | th |
dc.subject | ปัญหาเป็นฐานการเรียนรู้ | th |
dc.subject | กระบวนการกลุ่มเป็นฐานการเรียนรู้ | th |
dc.subject | ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม | th |
dc.subject | ทัศนคติต่อสิ่งแวดล้อม | th |
dc.subject | จริยธรรมสิ่งแวดล้อม | th |
dc.subject | Teaching environmental education | en |
dc.subject | Problems based learning | en |
dc.subject | Focus group Processes based learning | en |
dc.subject | Environmental knowledge | en |
dc.subject | Environmental attitude | en |
dc.subject | Environmental ethics | en |
dc.subject.classification | Environmental Science | en |
dc.title | Teaching environmental education using problems and focus group based learning for Undergrauate students | en |
dc.title | การสอนสิ่งแวดล้อมศึกษา โดยใช้ปัญหาและกระบวนการกลุ่มเป็นฐานการเรียนรู้ สำหรับนิสิตปริญญาตรี | th |
dc.type | Thesis | en |
dc.type | วิทยานิพนธ์ | th |
Appears in Collections: | The Faculty of Environment and Resource Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
61011750005.pdf | 1.9 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.