The Use of Task-Based-Learning to Enhance English Speaking Ability of Matthayomsuksa 5 Students

Abstract

The purposes of this study were 1) to promote English speaking ability based on task-based learning and 2) to study the attitude towards group investigation through the task-based learning. The samples came from the cluster random sampling of 27 Matthayomsuksa 5 students of Thawatburiwittayakhom School in the second semester of academic year 2019. The instruments used in this research were 1) Task-based learning lesson plans, 2) English speaking test, 3) English speaking ability assessment form, 4) teacher diary, 5) semi-structured interview and 6) students’ attitude questionnaire. The data were analyzed by mean, percentage, standard deviation, and t-test dependent samples.

The findings were as follows:

1. The achievement of students’ English speaking ability through task-based learning activities after learning was significantly higher than before learning at the level .05.

2. The students’ learning attitudes toward task-based learning activity through speaking ability was at the good level (Mean = 4.41).

In conclusion, task-based learning activities could enhance Matthayomsuksa 5 students’ Speaking ability. The students were agreed that this activity could help them have higher speaking ability. Therefore, this activity should be used in class to improve students’ English speaking ability.

การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานและเพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้เน้นภาระงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม (30204) จำนวน 27 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนการสอนแบบเน้นภาระงาน 2) แบบทดสอบการพูด 3) แบบประเมินความสามารถด้านการพูด 4) แบบบันทึกผลการจัดกิจกรรมการสอนของครู 5) แบบสอบถามวัดเจตคติที่มีต่อการจัดกิจกรรมการสอนแบบเน้นภาระงาน และ 6) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่า t-test Dependent Samples

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการสอนแบบเน้นภาระงาน มีค่าเฉลี่ยทดสอบก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 28.5 และค่าเฉลี่ยการทดสอบหลังเรียนพบว่า คิดเป็นร้อยละ 70.95 สรุปได้ว่าคะแนนเฉลี่ยหลังการจัดกิจกรรมและผลการเปรียบเทียบคะแนนความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2. นักเรียนมีเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.41

ดังนั้นสรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานสามารถพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้ และผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการจัดการเรียนการสอนดังกล่าว สมควรที่จะนำกิจกรรมการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนต่อไป